วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Devoir!!
Expression écrite
4 Comment faire pour protéger la planète/avoir beaucoup d’amis/avoir de bonnes notes qu college
Choisis un theme et écris quatre phreses(utilize il faut/il ne faut pas et le verbe devoir ).
protéger la planète
                    IL FAUT
-                  Recycler les déchets.
-                  Jeter les papiers à la poubelle.
-                  Utiliser les transports en commun ou le vélo.
-                  Economiser l’énergie.
-                  Limiter la pollution.
-                  Respecter la nature.


               IL NE FAUT PAS
-                  Utiliser trop de sac.
-                  Jeter de papiers par terre.
-                  Ne viens pas au college en voiture ou en scooter.
-                  Laisser couler l’eau quand tu te laves les dents ou       quand tu prends une douche.

11 นิสัยการบริโภคของคนยุคใหม่ ที่แตกต่างไปจากคนยุคเก่า อย่างน่ากังวลมาก !!

ในโลกยุคใหม่ เราสามารถเลือกหาอาหารการกินได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อปากซอยก็มีอาหารเต็มชั้นวางที่รอเราอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า… มีหลายหน่วยงานที่วิจัย และพบว่าพฤติกรรมการบริโภคของเราเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสุดขั้ว และน่าเป็นกังวลมากอีกด้วย….

1. เราบริโภคน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นแบบติดจรวด ในช่วง 160 ปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะคนในประเทศแถบตะวันตก ซึ่งเฉลี่ยแล้วเราได้รับ 500 แคลอรี่จากน้ำตาลในแต่ละวัน เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงมะเร็งอีกด้วย
11 things eating habit change (1)

2. อัตราบริโภคน้ำอัดลมและน้ำหวานรสผลไม้ เพิ่มสูงขึ้น
น้ำผลไม้ที่บรรจุวางขายกันทั่วไป หลายๆคนอาจจะคิดว่ามีประโยชน์เหมือนน้ำผลไม้สด แต่ที่จริงแล้วประกอบไปด้วยน้ำตาลและสารให้ความหวานที่สูงมาก อาจจะไม่ต่างกันกับน้ำอัดลมด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา
11 things eating habit change (2)

3. ตั้งแต่ปี 1970 คนเราบริโภคมากขึ้นประมาณ 400 แคลอรี่ต่อวัน
จากกราฟจะเห็นได้ชัดว่าเราบริโภคในปริมาณที่มากขึ้น และรับแคลอรี่ต่อวันมากขึ้น เป็นผลมาจากอาหารสำเร็จรูป ที่มีน้ำตาลและไขมันสูงขึ้น
11 things eating habit change (3)

4. ปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชสูงจนน่าตกใจ
ถึงแม้ว่าจะมีความเชื่อเรื่องการบริโภคน้ำมันพืชดีกว่าน้ำมันจากสัตว์ แต่ก็มีข้อมูลที่พบว่าน้ำมันพืชหากบริโภคมาก ก็ส่งผลต่อโอกาสเกิดโรคหัวใจที่มากขึ้นเช่นกัน
11 things eating habit change (4)

5. คนบริโภคเนยน้อยลง ขณะที่บริโภคมาร์การีนเพิ่มขึ้น
สงครามระหว่าง เนย และ มาร์การีน ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งมาร์การีนนั้นประกอบด้วยไขมันทรานส์ ที่ส่งผลต่อโรคหัวใจ ยังดีที่ช่วงหลังผู้คนเริ่มรับรู้ และหันกลับมาบริโภคเนยจริงๆมากขึ้น
11 things eating habit change (5)

6. น้ำมันถั่วเหลือง เป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร
ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา จำนวนน้ำมันพืชต่างๆที่คนใช้ประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดคอตตอน ข้าวโพด มะพร้าว หรือมะกอก พบว่าคนนิยมใช้ถั่วเหลืองมากที่สุด และโดดเด่นกว่าแหล่งอื่นอย่างเห็นได้ชัด
11 things eating habit change (6)

7. ข้าวสาลียุคใหม่ มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง
ข้าวสาลีสายพันธุ์ใหม่ ที่ปลูกง่ายและทนทานโรคกว่าสายพันธุ์เก่าถูกเผยแพร่ในราวปี 1960 ทำให้อุตสาหกรรมเกษตรนั้นสามารถทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็ตามมาด้วยคุณค่าทางอาหารที่น้อยลง ได้แก่ แม็กนีเซียม เหล็ก ซิงค์ ที่ลดลงกว่าแบบเก่าถึง 19-28%
11 things eating habit change (7)

8. ผู้คนหันมาบริโภคไข่น้อยลง
ข้อมูลจากในช่วงปี 1950-2007 รายงานว่าคนอเมริกัน บริโภคไข่น้อยลงจากประมาณ 380 ฟองต่อคนต่อปี เหลือเพียงประมาณ 255 ฟองต่อคนต่อปี ยังดีที่เพิ่มขึ้นมาจากช่วงปี 1995 ที่่ราวๆ 225 ฟองต่อคนต่อปี
11 things eating habit change (8)

9. คนบริโภคอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น
ตลอดช่วงปี 1889-2009 พบว่าคนนิยมทานอาหารทำเองที่บ้านน้อยลง และบริโภคอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของอาหารฟาสฟู๊ด ที่เพิ่มมาครองส่วนแบ่งกว่า 25%
11 things eating habit change (9)

10. กรดไขมันในน้ำมันพืชยุคใหม่ ไม่เหมาะกับร่างกายเรา
น้ำมันพืชยุคใหม่ประกอบด้วยไขมันโอเมก้า 6 ในชื่อว่า Linoleic Acid ซึ่งมีข้อมูลว่าอาจจะเป็นพิษกับร่างกาย ทำลายโครงสร้าง DNA และเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็งมากกว่าน้ำมันพืชแบบเก่า ดูเป็นเรื่องน่าตกใจทีเดียว
11 things eating habit change (10)

11. คำแนะนำการบริโภคอาหารไขมันต่ำ มาพร้อมกับการเป็นโรคเบาหวาน
เนื่องจากมีข้อแนะนำด้านโภชนาการด้านการบริโภคอาหารไขมันต่ำเผยแพร่มาในปี 1977 แต่ก็กลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตนำเสนออาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูงมาแทนที่ ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนอเมริกันนั่นเอง
11 things eating habit change (11)

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันมาฆบูชา ประวัติวันมาฆบูชา มาฆบูชา 2557


วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 

          วันมาฆบูชา 2557 ประวัติวันมาฆบูชา ความหมายวันมาฆบูชา ความสำคัญของวันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร วันมาฆบูชา 2557 วันที่เท่าไหร่ มาดูกัน 

          วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง และได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง โดย วันมาฆบูชา 2557 ตรงกับวันศุกร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 วันนี้กระปุกดอทคอม จึงมี ประวัติวันมาฆบูชา ความสำคัญของวันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร มาฝากค่ะ

ความหมายของวันมาฆบูชา

          คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3

การกำหนดวันมาฆบูชา
          การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม

 ความสำคัญวันมาฆบูชาและประวัติวันมาฆบูชา
          ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์"แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
          ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
          1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

          2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6

          4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

          และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ

          จาตุร แปลว่า 4
          องค์ แปลว่า ส่วน
          สันนิบาต แปลว่า ประชุม

          ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง
          ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์
 ประวัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

          พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า

          ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
          เมื่อถึงเวลาค่ำ  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่าง ๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ

          ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
          ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

          นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย

 หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติในวันมาฆบูชา

          หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้

 หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
          1.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)

          2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)

          3.การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย

          ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" นั่นเอง

 อุดมการณ์ 4 ได้แก่

          1.ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
          2.ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
          3.ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
          4.นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา


 วิธีการ 6 ได้แก่

          1.ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร
          2.ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
          3.สำรวมในปาติโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม
          4.รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่างๆ
          5.อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
          6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี


เวียนเทียน


 กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

          การปฏิบัติตนสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันมาฆบูชาคือ คือ ในตอนเช้า ควรไปทำบุญตักบาตร ไปวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา หรือจัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวายภัตตาหาร ช่วงบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา เมื่อถึงตอนค่ำ นำดอกไม้ ธูปเทียนไปเวียนเทียน 3 รอบที่พระอุโบสถ โดยการเวียนเทียนนั้นจะเวียนขวา จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดินอยู่นั้นให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนควรบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่างๆ และรักษาศีล สำหรับตามบ้านเรือน สถานที่ราชการ จะมีการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพื่อระลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 


 ข้อเสนอแนะการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันมาฆบูชา

          กิจกรรมเกี่ยวกับครอบครัว
          กิจกรรมที่ครอบครัวควรทำในวันมาฆบูชา อย่างเช่น การทำความสะอาดบ้าน จัดแต่งที่บูชาประจำบ้าน ชักชวนครอบครัวไปทำบุญตักบาตร ฟังศีล ฟังธรรม บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติธรรม รวมทั้งควรศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอน และความสำคัญของวันมาฆบูชาด้วย

          กิจกรรมเกี่ยวกับสถานศึกษา

          ในสถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่ง โดยภายในสถานศึกษาควรมีการร่วมรำลึกถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา เช่น จัดนิทรรศการให้ความรู้ ประกวดเรียงความ ตอบปัญหาธรรมะ บรรยายธรรม หรือร่วมกันทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน บำเพ็ญกุศล อีกทั้งประกาศเกียรติคุณนักเรียนผู้ทำประโยชน์ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี

          กิจกรรมเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน

          ควรประชาสัมพันธ์ในที่ทำงาน และจัดให้มีการบรรยายธรรม หรือร่วมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน ร่วมทำบุญ บำเพ็ญกุศลร่วมกัน

          กิจกรรมเกี่ยวกับสังคม

          ภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็น วัด มูลนิธิ สมาคม สื่อมวลชน สนามบิน สถานีรถไฟ ฯลฯ ควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ความสำคัญของวันมาฆบูชา อาจเป็นการพิมพ์เอกสารให้ความรู้ จัดให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน เช่น ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ช่วยกันรณรงค์ให้เลิกอบายมุข แต่รณรงค์ให้ช่วยกันทำประโยชน์ต่อสังคมแทน อาจช่วยกันปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดที่สาธารณะ ฯลฯ


 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา

          พุทธศาสนิกชนจะมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของวันมาฆบูชา รวมทั้งหลักธรรมต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความตระหนักต่อความสำคัญของพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะชาวพุทธ และยังเป็นการช่วยธำรงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พิรดา เตชะวิจิตร์ หญิงไทยคนแรก เตรียมขึ้นบินท่องอวกาศ ปี 2558


พิรดา เตชะวิจิตร์ หญิงไทยคนแรก เตรียมขึ้นบินท่องอวกาศ ปี 2558

 พิรดา เตชะวิจิตร์ วิศวกรดาวเทียมของ GISTA กลายเป็นหญิงไทยคนแรกที่มีโอกาสได้ท่องอวกาศ หลังชนะการเฟ้นหาตัวแทน 1 ใน 23 คนจากทั่วโลก เตรียมตะลุยอวกาศในปี 2558 นี้
            เชื่อเลยว่าการได้เดินทางไปสัมผัสโลกอวกาศคงเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน หากแต่จะมีใครทำความฝันนี้ให้เป็นจริงได้บ้าง ซึ่ง พิรดา เตชะวิจิตร์ ก็คือหนึ่งในผู้ที่ทำความฝันนี้ให้เป็นจริงจนหลายคนอดทึ่งไม่ได้ เพราะเธอกำลังจะเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่มีโอกาสได้เดินทางตะลุยอวกาศ

            โดยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 ภาควิชาโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้แถลงข่าวเปิดตัว นางสาวพิรดา เตชะวิจิตร์ ศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะผู้หญิงไทยคนแรกที่มีโอกาสเดินทางสู่อวกาศ (THAILAND'S FRIST SPACE TRAVELLER) กับโครงการ "แอ๊กซ์ อพอลโล่" ที่เฟ้นหาตัวแทน 23 คนจากทั่วโลกไปสัมผัสประสบการณ์ในโลกไร้น้ำหนัก

            สำหรับ นางสาวพิรดา หรือ มิ้งค์ อายุ 29 ปี มีตำแหน่งเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้อะพอลโล ปัจจุบันทำงานเป็นวิศวกรดาวเทียม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ที่ต้องติดต่อสื่อสารกับดาวเทียมไทยโซต หรือดาวเทียม THEOS ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย 

            นางสาวพิรดา เล่าถึงที่มาที่ไปของโอกาสที่เธอได้รับครั้งนี้ว่า ในช่วงที่เธอได้รับทุนให้ไปศึกษาปริญญาโท ด้านดาวเทียมที่สถาบัน ISAE ประเทศฝรั่งเศส ก็ได้สมัครเข้าร่วมโครงการแอ๊กซ์ อพอลโล่ เนื่องจากการได้ไปท่องอวกาศเป็นความฝันของเธอ ซึ่งการเข้าร่วมครั้งนี้ ต้องผ่านบททดสอบต่าง ๆ มากมาย ที่แคมป์อวกาศในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา 

            วิศวกรดาวเทียมคนเก่ง ยังเล่าด้วยว่า การฝึกฝนในแคมป์อวกาศต้องผ่านด่านโหด ทั้งทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย การทดลองนั่งในห้องนักบิน และบินกลับหัวกลางอากาศ รวมทั้งสภาวะไร้น้ำหนัก ความกล้าหาญ ความกระตือรือร้น การทำงานเป็นทีม รวมทั้งสภาพจิตใจว่ารับแรงกดดันได้แค่ไหน โดยมีผู้สมัครเข้าโครงการ 107 คน จาก 62 ประเทศทั่วโลก 

            จากนั้น คณะกรรมการจะคัดเลือกตัวแทนแต่ละประเทศ ซึ่ง พิรดา ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 3 คนไทยที่จะได้ไปตะลุยอวกาศในปี 2558 โดยอีก 2 คนที่ได้รับคัดเลือกคือ นพฤทธิ์ แป้นทอง และวิเชียร งามแสง 

            สำหรับการเดินทางสู่อวกาศครั้งนี้จะไปพร้อมกับเครื่องบิน ลิงซ์ มาร์ค ทู (LYNX MARK II) ออกเดินทางจากโมฮาเวย์ แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ความเร็ว 3,552 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ใช้เวลาบิน 3.30 นาที จากนั้น เครื่องจะมาจอดอยู่ที่ระดับความสูงเหนือพื้นดิน 103 กิโลเมตร ประมาณ 6 นาที เพื่อให้ผู้ร่วมเดินทางได้ถ่ายภาพและสัมผัสประสบการณ์การท่องอวกาศ ก่อนที่เครื่องจะกลับลงสู่พื้นโลก รวมเวลาในการเดินทางทั้งหมด 60 นาที

เด็กอาชีวะไทยเจ๋ง คว้าแชมป์ Shell Eco Marathon Asia 2014


เด็กอาชีวะไทยเจ๋ง คว้าแชมป์ Shell Eco Marathon Asia 2014

 เด็กอาชีวะไทย สุดเจ๋ง ! คว้าแชมป์ Shell Eco Marathon Asia 2014 เป็นสมัยที่ 4

       เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้สื่อข่าวได้รายงานผลการแข่งขัน Shell Eco Marathon Asia 2014 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ว่า ทีมฮาวมัช เอทานอล (How Much Ethanol) จากวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา กรุงเทพฯ คว้าแชมป์ Shell Eco Marathon Asia 2014 เป็นสมัยที่ 4 หลังใช้เชื้อเพลิงเอทานอลเพียง 1 ลิตร แต่สามารถขับรถไปไกลถึง 2,730 กิโลเมตร เรียกได้ว่า เป็นสถิติสูงสุดในการแข่งขันของปีนี้ และเทียบเท่ากับระยะทางจากกรุงมะนิลาไปยังกรุงจาร์กาต้าเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีทีมเยาวชนไทยที่คว้ารางวัลในประเภทต่าง ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร ที่เป็นผู้ชนะร่วมในประเภทเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน และวิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ในประเภทแบตเตอรี่ไฟฟ้า
 

       ทางด้าน นายจุมพล สิทธิรส ผู้จัดการทีมวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา เปิดเผยว่า การแข่งขันครั้งนี้ ทีมฮาวมัช เอทานอล เน้นไปที่การออกแบบตัวรถ 97% ส่วนอีก 3% คือ เรื่องเครื่องยนต์ อีกทั้งยังยึดที่ผู้ขับขี่ที่กำหนดไว้แล้วเป็นหลัก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังได้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่อีกด้วย ประกอบกับทีมฮาวมัช เอทานอล ยังได้ฝึกซ้อมในสนามที่ประเทศไทยซึ่งมีสภาพถนนคล้ายคลึงกับลูเนต้าพาร์คอย่างสม่ำเสมออีกด้วย